อาการปวดหลัง สะโพก ขา ที่พบได้บ่อย มีดังนี้

1.การปวดหลังที่เกิดจากกล้ามเนื้อหลังอักเสบ  

คืออาการปวดหลังที่เกิดขึ้นในบริเวณส่วนใดส่วนหนึ่งของแผ่นหลัง (โดยมากจะพบบริเวณหลังช่วงล่าง หรือบริเวณเอว แต่ก็สามารถพบได้ในบริเวณหลังส่วนอื่นๆ ด้วย) โดยสาเหตุจะเกิดจากกล้ามเนื้อสันหลังบริเวณนั้นๆ เกิดการ อักเสบ ตึงเครียด และ หดเกร็ง

อาการปวดหลังในลักษณะนี้ มักจะเริ่มต้นจากการปวดเฉพาะในบางอิริยาบถก่อน เช่น ปวดตอนก้ม ตอนลุกขึ้นจากเก้าอี้ ตอนลุกจากเตียง ตอนนั่งนานๆ หรือปวดหลังจากการออกกำลังกาย เป็นต้น แต่หากปล่อยไว้นานเข้าและไม่ได้รับการรักษา อาการปวดนี้จะสามารถพัฒนากลายไปเป็นปวดตลอดเวลา หรือแม้กระทั่งสามารถพัฒนาไปเป็นภาวะ หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ได้ในอนาคต
 
2.การปวดหลังที่เกิดจากหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท หมอนรองกระดูกปลิ้น หมอนรองกระดูกทรุด หรือ หมอนรองกระดูกแตก

อาการปวดหลังนี้ จะเป็นอาการปวดหลังที่รุนแรงกว่าอาการปวดที่เกิดจากกล้ามเนื้อ เนื่องจากส่วนหนึ่งของหมอนรองกระดูกจะมีการเคลื่อนไปกดทับโดนเส้นประสาท ที่ควบคุมการทำงานของ สะโพก ต้นขา น่อง และ ปลายเท้าด้วย ดังนั้นอาการที่เกิดขึ้น จะไม่จำกัดอยู่ที่บริเวณหลังอย่างเดียว ที่พบได้บ่อยที่สุดคือ ผู้ป่วยจะมีอาการ ปวดร้าวลง สลักเพชร สะโพก หน้าแข้ง จนถึง ข้อเท้า นอกจากนี้ในหลายๆ เคส จะมีอาการ ชาขา ชาปลายเท้า รวมถึง ขาอ่อนแรง ร่วมด้วย เนื่องจากเส้นประสาทที่ควบคุมการทำงานของขา โดนกดทับ และไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่
 
3.อาการกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท  (Piriformis)

กล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท อาการแสดงจะคล้ายกับอาการกระดูกทับเส้นประสาท แต่มีสาเหตุที่แตกต่างกัน คืออาการกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท เป็นอาการที่เกิดจากกล้ามเนื้อภายในก้น (ที่มีชื่อว่า ฟิริฟอร์มิส) ที่ทำหน้าที่ช่วยให้ต้นขาเคลื่อนไหวได้ปกติ หดเกร็งจนไปบีบรัดเส้นประสาท จึงทำให้เกิดอาการปวดชาที่ก้น สะโพก ร้าวลงขา ในบางเคส อาจมีอาการเสียวแปล๊บที่ ก้น หรือ สะโพก เวลาเปลี่ยนอิริยาบถ
 
4.อาการสะโพกเสื่อม

โดยส่วนมาก อาการสะโพกเสื่อม จะมาจากการอักเสบ หรือบาดเจ็บเรื้อรัง ของกล้ามเนื้อหรือหมอนรองกระดูกสันหลัง และไม่ได้รับการรักษา ส่งผลให้อาการปวดนั้นลุกลามมาบริเวณสะโพก ทำให้เกิดการอักเสบของเอ็นและกล้ามเนื้อบริเวณสะโพก จนทำให้เกิดการเสื่อมของสะโพกในที่สุด อาการสะโพกเสื่อมหากเริ่มรุนแรงขึ้น จะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เกิดการติดขัดในการเคลื่อนไหว เดินลำบาก ขึ้นลงบันไดไม่ได้ กางหรือหุบขาไม่ได้ เพราะจะมีอาการปวดสะโพก ปวดขาหนีบ ในเคสที่รุนแรงมากๆ ขาจะอ่อนแรงลงเนื่องจากกล้ามเนื้อที่ควบคุมข้อสะโพกอ่อนแอเพราะใช้งานไม่ได้
 
5.อาการปวดสะโพกจากอุบัติเหตุข้อเท้าพลิก

อุบัติเหตุข้อเท้าพลิกแรงๆ นั้น สามารถส่งผลให้เกิดอาการปวดบริเวณสะโพกได้ เนื่องจากเมื่อเส้นประสาทบริเวณข้อเท้าเกิดการอักเสบมากๆ กล้ามเนื้อบริเวณที่เกี่ยวเนื่องจะเริ่มเกิดความตึงเครียด และหดเกร็ง หากมิได้ทำการรักษาหรือปล่อยไว้ กล้ามเนื้อที่อักเสบ จะเริ่มเกร็งตัวมากขึ้น และจะดึงรั้งไปถึงบริเวณหัวเข่า ผู้ป่วยจะรู้สึกเริ่มปวดเข่า และหากปล่อยไว้ ในที่สุดจะดึงรั้งลามถึงบริเวณสะโพก และทำให้เกิดอาการปวดสะโพกในที่สุด

ทำไมการรักษาของเรา จึงช่วยคุณได้

การรักษาของเรา ไม่ใช่การรักษาที่มุ่งไปแค่ การจัดกระดูก หรือ การนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่เราเน้นการรักษาที่ สามารถแก้ปัญหาได้อย่างครอบคลุมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาในชั้นกล้ามเนื้อ หมอนรองกระดูก ข้อต่อ พังผืด เส้นลม เส้นเอ็น รวมถึง เส้นประสาท ทั้งในบริเวณหลัง สะโพก และขาซึ่งจะเป็นการแก้ไขอาการที่เกิดขึ้นได้อย่างตรงจุดที่สุด และทำให้เห็นผลได้อย่างชัดเจนและถาวร

การนวดแผนไทยประยุกต์

นวดโดยการใช้ข้อศอกนวดลงบริเวณที่มีอาการเกร็งตัว เพื่อทำให้กล้ามเนื้อชั้นบน และกล้ามเนื้อชั้นลึก (Deep tissue) คลายตัวจากอาการตึงเครียดและอาการหดเกร็ง ซึ่งเป็นสาเหตุของ การอักเสบในกล้ามเนื้อสันหลัง

ด้วยการนวดที่เฉพาะตัวของทางคลินิก เราสามารถนำเทคนิคนี้มาใช้เพื่อช่วยรักษาอาการอักเสบที่เกิดจากกล้ามเนื้อในบริเวณต่างๆ เช่น อาการกล้ามเนื้อหลังอักเสบ กล้ามเนื้อก้นอักเสบ กล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท หรือ อาการกล้ามเนื้อต้นขาอักเสบ เป็นต้น

การนวดแผนไทยประยุกต์

นวดโดยการใช้ข้อศอกนวดลงบริเวณที่มีอาการเกร็งตัว เพื่อทำให้กล้ามเนื้อชั้นบน และกล้ามเนื้อชั้นลึก (Deep tissue) คลายตัวจากอาการตึงเครียดและอาการหดเกร็ง ซึ่งเป็นสาเหตุของ การอักเสบในกล้ามเนื้อสันหลัง

ด้วยการนวดที่เฉพาะตัวของทางคลินิก เราสามารถนำเทคนิคนี้มาใช้เพื่อช่วยรักษาอาการอักเสบที่เกิดจากกล้ามเนื้อในบริเวณต่างๆ เช่น อาการกล้ามเนื้อหลังอักเสบ กล้ามเนื้อก้นอักเสบ กล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท หรือ อาการกล้ามเนื้อต้นขาอักเสบ เป็นต้น

การนวดแกะเส้น

จะเป็นการใช้นิ้วมือขยับไปตามมัดกล้ามเนื้อที่เกร็งตัวจน ยอกหรือบิดให้กลับเข้าสู่ตำแหน่งเดิม นอกจากนี้เรายังนำเทคนิคนี้มาใช้เพื่อแกะมัดกล้ามเนื้อที่บีบรัดกันมากๆ จนทำให้เกิดเกิดอาการผิดปกติบริเวณนั้นๆ เช่น อาการแสบร้อน หรือ อาการตะคริว ให้คลายตัวออกจากกัน

ขั้นตอนนี้สามารถใช้เพื่อแก้ อาการเส้นพลิก หรือ อาการยอกบริเวณหลัง อาการแสบร้อนบริเวณสะโพก และ อาการตะคริวบริเวณน่อง

การนวดสลายพังผืดและจุดปวดเกร็ง

การนวดในขั้นตอนนี้ ถือว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด และ เป็นขั้นตอนที่จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นอย่างถาวร
การนวดในขั้นตอนนี้ เราจะใช้ไม้เล็กๆ กดคลึงเพื่อ

✅ สลายจุดปวดเกร็ง (Trigger points) ที่ฝังตัวอยู่ในมัดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น ที่บีบรัดเส้นประสาทบริเวณใกล้เคียง ทำให้เส้นประสาทชุดนั้นๆ ทำงานได้ไม่เต็มที่ จึงทำให้เกิด อาการ ปวด ชา แสบร้อน ไฟช็อต ยิบๆ หรืออาการผิดปกติอื่นๆ

✅ สลายพังผืด ที่เกาะอยู่ตามข้อต่อ หรือหมอนรองกระดูก พังผืดที่เกาะอยู่นี้ คือสาเหตุที่ทำให้ข้อต่อ และ หมอนรองกระดูกเกิดการแข็งตัว ยึดล็อค ไม่ยืดหยุ่น ผิดรูป จนเคลื่อนตัวไปทับเส้นประสาท ซึ่งทำให้เกิดอาการปวดหลัง ปวดสะโพกร้าวลงขา ชาลงขา เสียวหน้าแข้ง และขาอ่อนแรง

ในขณะทำการรักษานั้น เราจะทำทั้ง 3 ขั้นตอนนี้ ควบคู่สลับกันไปในทุกๆ จุดที่มีปัญหา เพื่อแก้ปัญหาได้ครบทุกสาเหตุ และเพื่อผลการรักษาที่ดีขึ้นจนสามารถรู้สึกได้ถึงความแตกต่างจากการรักษาโดยทั่วๆ ไป

  • เมื่อพังผืดและจุดปวดเกร็งสลายตัวออก กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ หมอนรองกระดูก จะกลับมามีความยืดหยุ่น กล้ามเนื้อจะคลายตัวอย่างแท้จริง เส้นประสาทจะกลับมาทำงานได้ปกติอีกครั้ง เลือดลมจะหมุนเวียนได้คล่อง อาการปวด ชา แสบร้อน หรืออาการผิดปกติอื่นๆ ก็จะหมดไป และไม่กลับมาเป็นซ้ำๆ อีกในอนาคต
  • ในภาวะของผู้ที่เป็น หมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท กระดูกทรุด กระดูกเสื่อม นั้น เมื่อพังผืดและจุดปวดเกร็งถูกสลายออกไป การยึดเกร็ง
    การตึงรั้งระหว่างหมอนรองกระดูกและกล้ามเนื้อบริเวณใกล้เคียงก็จะหายไปด้วย หมอนรองกระดูกที่เคยเคลื่อนออก หรือข้อกระดูกที่เคยทรุด จะค่อยๆ
    ฟื้นตัวและขยับเข้าสู่ตำแหน่งเดิมได้เองตามกลไกการซ่อมแซมของร่างกาย

ขั้นตอนการนวดสลายพังผืดนี้ เป็นหัวใจสำคัญ ที่จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการที่ดีขึ้นได้อย่างถาวร

การนวดสลายพังผืดและจุดปวดเกร็ง

การนวดในขั้นตอนนี้ ถือว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด และ เป็นขั้นตอนที่จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นอย่างถาวร การนวดในขั้นตอนนี้ เราจะใช้ไม้เล็กๆ กดคลึงเพื่อ

✅ สลายจุดปวดเกร็ง (Trigger points) ที่ฝังตัวอยู่ในมัดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น ที่บีบรัดเส้นประสาทบริเวณใกล้เคียง ทำให้เส้นประสาทชุดนั้นๆ ทำงานได้ไม่เต็มที่ จึงทำให้เกิด อาการ ปวด ชา แสบร้อน ไฟช็อต ยิบๆ หรืออาการผิดปกติอื่นๆ

✅ สลายพังผืด ที่เกาะอยู่ตามข้อต่อ หรือหมอนรองกระดูก พังผืดที่เกาะอยู่นี้ คือสาเหตุที่ทำให้ข้อต่อ และ หมอนรองกระดูกเกิดการแข็งตัว ยึดล็อค ไม่ยืดหยุ่น ผิดรูป จนเคลื่อนตัวไปทับเส้นประสาท ซึ่งทำให้เกิดอาการปวดหลัง ปวดสะโพกร้าวลงขา ชาลงขา เสียวหน้าแข้ง และขาอ่อนแรง

ในขณะทำการรักษานั้น เราจะทำทั้ง 3 ขั้นตอนนี้ ควบคู่สลับกันไปในทุกๆ จุดที่มีปัญหา เพื่อแก้ปัญหาได้ครบทุกสาเหตุ และเพื่อผลการรักษาที่ดีขึ้นจนสามารถรู้สึกได้ถึงความแตกต่างจากการรักษาโดยทั่วๆ ไป

  • เมื่อพังผืดและจุดปวดเกร็งสลายตัวออก กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ หมอนรองกระดูก จะกลับมามีความยืดหยุ่น กล้ามเนื้อจะคลายตัวอย่างแท้จริง เส้นประสาทจะกลับมาทำงานได้ปกติอีกครั้ง เลือดลมจะหมุนเวียนได้คล่อง อาการปวด ชา แสบร้อน หรืออาการผิดปกติอื่นๆ ก็จะหมดไป และไม่กลับมาเป็นซ้ำๆ อีกในอนาคต
  • ในภาวะของผู้ที่เป็น หมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท กระดูกทรุด กระดูกเสื่อม นั้น เมื่อพังผืดและจุดปวดเกร็งถูกสลายออกไป การยึดเกร็ง
    การตึงรั้งระหว่างหมอนรองกระดูกและกล้ามเนื้อบริเวณใกล้เคียงก็จะหายไปด้วย หมอนรองกระดูกที่เคยเคลื่อนออก หรือข้อกระดูกที่เคยทรุด จะค่อยๆ
    ฟื้นตัวและขยับเข้าสู่ตำแหน่งเดิมได้เองตามกลไกการซ่อมแซมของร่างกาย

ขั้นตอนการนวดสลายพังผืดนี้ เป็นหัวใจสำคัญ ที่จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการที่ดีขึ้นได้อย่างถาวร

คำบอกเล่าส่วนหนึ่ง

ของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาอาการบริเวณ หลัง สะโพก ขา

ใครที่เป็นหมอนรองกระดูกทับเส้น ไม่อยากผ่าตัด รักษามาหลายวิธี ไปมาหลายที่แล้ว ไม่หาย อาการไม่ดีขึ้น แนะนำให้มาที่นี่เลยค่ะ เจ็บแต่หายจริงค่ะ คุณหมอก็อธิบายและให้คำแนะนำดีมากเลยค่ะ

ปวดหลังเป็นๆหายๆมาหลายปี สุดท้ายมาหายที่คลินิกนี้ครับ อยากแนะนำสำหรับคนที่เป็นเรื้อรัง ทนเจ็บปวดมานาน หมอกรช่วยได้ครับ แต่ต้องทนเจ็บให้ได้ เป็นมานานก็ต้องใช้เวลารักษานาน ถ้าอดทนรอได้ ผมมั่นใจว่าคุณจะหายแน่นอนครับ

เรามีอาการหลังยอก จากการยกของค่ะ อาการคือจะรู้สึกปวดแปล้บๆ ที่หลังเวลาเราเอี้ยวตัว หรือก้มตัว ก็เลยไปนวดคลายเส้น แต่หมอนวดที่ร้านจับเราดัดหลัง ปรากฏว่ากลับมาบ้าน นอนไม่ได้เลยค่ะ ปวดหลังมากกว่าเดิม ปวดตลอดเวลา พอดีเราติดตามเพจของคลินิกอยู่ เลยคิดว่ามารักษาที่คลินิกน่าจะปลอดภัยมากกว่า เพราะดูมีรีวิวชัดเจน เลยรีบโทรจองคิวเลย

รู้นะว่าที่นี่นวดเจ็บแต่ก็ต้องทนแล้ว ณ จุดนี้ เพราะทนอยู่ในสภาพนี้ไม่ไหว ขอแค่ให้มันดีขึ้นกว่านี้ซักหน่อยก็ยังดี ตอนนวดเจ็บสุดๆ จนน้ำตาไหล แต่ต้องสู้ เพราะกลัวไม่หาย!! หลังนวด นอนได้ดีขึ้นเลยตั้งแต่คืนแรก แต่ยังมีอาการระบมอยู่อีกประมาณ 4-5 วัน หลังหายระบม

ผมทำงาน ขับรถ ยกของตลอด ทำให้ปวดหลังและปวดขามากครับ จะปวดมากขึ้นเวลาขับรถนานๆ ทำให้เป็นอุปสรรคในการทำงานมากเลยครับ เพื่อนผมเลยแนะนำว่าลองมารักษาที่นี่ดู แต่เพื่อนบอกว่านวดเจ็บมากนะ ต้องทนเอาหน่อย แต่หายชัวร์ ผมก็ทราบตามนั้น

พอมารักษาครั้งแรก ก็เจ็บตามที่เพื่อนบอกเลย และก็หายตามที่เพื่อนบอกไว้จริงๆครับ เคสของผมรักษาไป 4 ครั้ง แต่อาการผมเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่ครั้งที่ 2 แล้วครับ ทุกวันนี้กลับมาทำงานได้อย่างมีความสุข เงินเราหาใหม่ได้ แต่ต้องมีร่างกายที่ดีก่อนจึงจะหาเงินได้อย่างมีความสุขครับ

ขอบคุณหมอกรมากเลยค่ะ ปวดหลังมาหลายปี รักษามาหลายที่ ไม่ดีขึ้น จนมารักษาที่นี่แล้วหาย เหมือนคุณหมอให้ชีวิตใหม่เลยค่ะ ขอบคุณมากจริงๆ และก็อยากแนะนำสำหรับคนที่อยากรักษาอาการปวดโดยไม่ต้องผ่าตัดนะคะ ที่นี่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง รับรองเห็นผลจริงแน่นอนค่ะ

เป็นหมอนรองดูกทับเส้นมา 2 ปี ทรมานมากค่ะ หมอนัดผ่าก็ยังไม่กล้าผ่า โชคดีที่มาเจอคลินิกนี้ค่ะ นวดไป 5 ครั้งแล้ว อาการค่อยๆดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนตอนนี้ดีขึ้นเป็นปกติแล้ว แนะนำเลยนะคะ ดีจริง หายแน่นอน แต่ต้องทนเจ็บและใช้เวลาหน่อย

ผมทำสวน ทำงานหนักมาตลอด ก็มีอาการปวดหลังเป็นๆ หายๆ มาตลอด แต่ก็ไม่ได้ปวดมากจนทนไม่ไหว ก็ยังทำงานยกของหนักมาเรื่อยๆ จนตอนนี้ปวดหลังตลอด ถ้าปวดมากๆก็จะปวดลงไปถึงขาเลยครับ

รู้สึกเหมือนขาไม่ค่อยมีแรง เริ่มทำงานหนักไม่ได้ เราก็เลยเริ่มหันมาดูแลตัวเองจริงๆจังๆ เพราะกลัวว่าจะกลับไปทำงานอีกไม่ได้ พอดีมีคนรู้จักแนะนำให้มารักษากับหมอกร เพราะเขาเคยรักษาแล้วอาการดีขึ้น ผมจึงตัดสินใจมารักษาที่นี่ครับ

มารักษาครั้งแรกคุณหมอเตือนเลยว่า รักษาหลายครั้งนะกว่าจะเห็นผล เพราะเราใช้ร่างกายมาหนัก มีปัญหาหลายส่วน ผมก็เข้าใจและยอมรับข้อเท็จจริงนี้ เริ่มรักษาไป 2-3 ครั้ง อาการก็ยังทรงๆทรุดๆ ตรงนี้ดี ตรงนั้นปวด เหมือนเปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆ ไม่ค่อยดีขึ้นเท่าที่ควร จนเราเริ่มท้อ แต่ก็คิดว่าจะรักษาให้ครบตามที่คุณหมอได้ประเมินไว้ก่อน

จนมาครั้งที่ 5 รู้สึกว่าอาการโดยรวมเริ่มดีขึ้น พอครั้งที่ 6 อาการปวดน้อยลง พอเข้าครั้งที่ 7-8 อาการเริ่มดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลังไม่ค่อยปวดแล้ว ขามีแรงมากขึ้น สามารถกลับไปทำงานได้ รู้สึกขอบคุณคุณหมอมากครับที่คอยให้กำลังใจ และช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจในการรักษาทุกครั้ง จนวันที่ผมสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ปกติอีกครั้ง

ผมมีอาการปวดหลัง ร้าวลงขาครับ เริ่มเป็นได้ประมาณ 6 เดือนแล้วครับ เลยไปหาหมอแผนปัจจุบัน หมอก็ทำ MRI ให้ ผลออกมาว่าเริ่มมีอาการของหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทครับ แต่ยังไม่เป็นมาก หมอก็แนะนำให้ไปรักษาโดยการกายภาพบำบัดก่อน พอดีญาติผมเคยรักษาอาการกระดูกทับเส้นที่นี่ เขาก็แนะนำให้ผมมาลองรักษาที่นี่ดูก่อน

หลังจากนวดไปครั้งแรก อาการดีขึ้นครับ ปวดน้อยลง แต่ยังชาขาอยู่ ผมก็มารักษาต่อเนื่องจนครั้งที่ 4 อาการเริ่มดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีอาการปวดหลัง ปวดขาแล้ว อาการชาก็ดีขึ้นจนแทบจะเป็นปกติ 100% คุณหมอบอกว่า ผมโชคดีที่เป็นมาไม่นานและรีบมารักษา ทำให้รักษาง่าย ใช้เวลาในการรักษาไม่นาน

พอได้ป่วย ก็เลยเริ่มทำให้รักตัวเองมากขึ้น ปัญหาสุขภาพไม่ควรละเลยนะครับ

*** ผลการรักษาอาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ***

อาการปวดหลังเรื้อรัง

อาการ ปวดหลังร้าวลงขา ขาชา เดินไกลไม่ได้

อาการ หมอนรองกระดูกปลิ้นทับเส้นประสาท ปวดหลังร้าวลงขา

*** ผลการรักษาอาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ***

หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ปวดหลังร้าวชาลงขา

หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ปวดหลังร้าวลงขา

ปวดหลังร้าวลงขา เดินลงน้ำหนักที่ขาไม่ได้

ปวดหลังร้าวลงขา นั่ง / ยืน / เดินนานไม่ได้

ปวดสะโพกร้าวลงขา ขาชา เดินลำบาก

ปวดหลังเรื้อรัง ปวดหลังร้าวลงขา

ปวดหลัง หลังยอก

ปวดสะโพก ขาชา

*** ผลการรักษาอาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ***

หากคุณอยากลาขาดจากอาการที่เป็นอยู่ ไม่อยากให้มารบกวนชีวิต รบกวนการพักผ่อน หรือ รบกวนการทำงานของคุณอีกต่อไป

หากคุณอยากจบอาการนี้อย่างถาวรเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่คนรอบข้าง  เมื่อยามแก่ตัวลง

หากคุณอยากกลับไปทำงาน หรือออกกำลังกายได้เต็มที่อีกครั้ง

หยุดเสียเวลา ไปกับการลองผิดลองถูกในการรักษา หยุดเสียเงิน ไปกับการรักษาที่ไม่เห็นผล

รายละเอียดในการรักษา

ข้อมูลที่เกี่่ยวข้องกับการรักษา

ปกติแล้ว 90% ของผู้ป่วย จะเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก (ในเคสที่เป็นมาไม่นาน จะดีขึ้นเลยทันที แต่ในเคสที่เป็นเรื้อรังมา จะดีขึ้นเพียงระยะหนึ่งเท่านั้น แล้วจะยังเหลืออาการปวดอยู่ เนื่องจากยังแก้ได้ไม่หมด)

แต่จะมีผู้ป่วย 10% ที่ไม่เห็นผลจากการรักษาครั้งแรก เนื่องจากว่า ผู้ป่วยมีอาการสะสมมานาน โดยอาจจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม แต่ส่วนใหญ่จะไปเห็นผลในครั้งที่ 2-3 แทนค่ะ

ในผู้ป่วยที่มีอาการมาไม่เกิน 3 เดือน จะรักษาหายเร็วมาก 1-2 ครั้ง แล้วจบเลย

แต่ถ้าผู้ป่วยมีอาการมานานกว่านั้น ผู้ป่วยอาจจะต้องรักษา แบบต่อเนื่องเดือนละ 1 ครั้ง ซึ่งโดยเฉลี่ยผู้ป่วยจะใช้ระยะเวลารักษา 3-8 ครั้ง (บางเคสหายเร็ว บางเคสหายช้ากว่านี้) สาเหตุที่ต้องรักษาหลายครั้ง เพราะเราต้องการให้อาการดีขึ้นอย่างถาวร และป้องกันการกลับมามีปัญหาทรุดหนักเมื่ออายุมากขึ้น

* ผู้ป่วยบางท่านมีอาการสะสมมานานตั้งแต่สมัยหนุ่มสาวแต่ “ไม่รู้ตัว” และเพิ่งมา “ออกอาการ” ได้ไม่นาน ถ้าเป็นลักษณะนี้ จะต้องรักษา “แบบต่อเนื่อง” นะคะ *

แต่ถ้าผู้ป่วยมีอาการเรื้อรังมานานกว่า 10 ปี เฉลี่ยแล้วจะใช้เวลารักษาประมาณ 10-15 ครั้ง (ผู้ป่วยจำเป็นต้องเข้าใจและยอมรับก่อนว่า อาการที่เป็นเรื้อรังนานเช่นนี้ จะไม่สามารถรักษาหายได้รวดเร็วอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการรักษาแบบไหนก็ตาม ถ้าผู้ป่วยใจร้อนและอยากหายเร็วๆ เราไม่แนะนำให้มาค่ะ เพราะทางคลินิกอาจจะไม่สามารถรักษาให้หายเร็วตามความคาดหวังได้)

ที่นี่รักษาเดือนละ 1 ครั้ง ครั้งละ 30-90 นาที ขึ้นอยู่กับความหนัก-เบาของอาการค่ะ

✅ ไม่อยากใช้ยาไปตลอด ไม่อยากผ่าตัด

✅ ผู้ที่รักษามาแล้วหลายที่ แต่อาการยังไม่ดีขึ้น

✅ ผู้ที่ไม่อยากเสียเวลาลองผิดลองถูกกับการรักษาที่ไม่ได้ผล

✅ ผู้ที่อยากจบปัญหาตั้งแต่ตอนนี้ ไม่อยากให้อาการที่เป็นอยู่ลุกลามทรุดหนักในอนาคต

✅ ผู้ที่ต้องการมีร่างกายที่ดี เมื่ออายุมากขึ้น ไม่อยากเป็นภาระให้กับคนรอบข้าง

✅ ผู้ที่อยากมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงกว่าเดิม ไม่บาดเจ็บ/ไม่ปวดง่าย

✅ ผู้ที่ออกกำลังกายหนักเป็นประจำ และต้องการเคลียร์อาการบาดเจ็บต่างๆ ที่สะสมอยู่ในร่างกายออก เพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรงมากขึ้น และป้องกันไม่ให้เกิดอาการบาดเจ็บหนักในอนาคต

ที่คลินิกเรารักษาด้วยการนวดค่ะ แต่จะไม่เหมือนกับการนวดทั่วๆ ไป เพราะการนวดทั่วไปนั้น เป็นการนวดแค่คลายกล้ามเนื้อชั้นตื้นๆ ไม่ได้ลงลึกไปแก้ที่สาเหตุ ไม่ใช่การรักษา ดังนั้นจึงไม่สามารถทำให้ผู้ป่วยดีขึ้นแบบถาวรได้

การนวดรักษาของทางคลินิกจะประกอบด้วย 3 ขั้นตอนดังต่อไปนี้ค่ะ:

1. การนวดแผนไทยประยุกต์

ในขั้นตอนนี้ จะนวดโดยการใช้ข้อศอก นวดลงเฉพาะจุดที่มีอาการ เพื่อทำให้กล้ามเนื้อชั้นบนและกล้ามเนื้อชั้นลึก (Deep tissue) คลายตัว จากการหดเกร็ง และการแข็งตึง

ปกติการนวดในขั้นตอนนี้ จะเป็นเพียงการเตรียมกล้ามเนื้อสำหรับการรักษาในขั้นถัดไป แต่ด้วยเทคนิคเฉพาะของทางคลินิก เราสามารถนำการนวดลักษณะนี้มาช่วยแก้อาการเมื่อยเรื้อรัง  ตึงเรื้อรัง รวมถึงช่วยแก้อาการกล้ามเนื้อสันหลังอักเสบ และ อาการกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท ได้อีกด้วย

2. การนวดแกะเส้น

ในขั้นตอนนี้ จะเป็นการใช้นิ้วมือ “ขยับ” มัดกล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นที่ “จม” ให้เคลื่อนกลับเข้าสู่ตำแหน่งเดิม และขยับมัดกล้ามเนื้อที่เกร็งตัวชิดกันจนบีบรัดเส้นประสาท ที่อยู่ด้านใน ให้คลายตัวออกจากกัน

การนวดในขั้นตอนนี้ จะช่วยเรื่องอาการจมได้ เช่น สะบักจม รวมถึง อาการชา อาการตะคริว เช่น มือชา แขนชา ตะคริวที่น่อง เป็นต้น และยังช่วยในเรื่องของอาการ “ตึงรั้ง” ต่างๆ เช่น ตึงจากคอขึ้นศรีษะ ตึงจากบ่าลงแขน เป็นต้น

3. การนวดสลายพังผืด

ในขั้นตอนนี้ เราจะใช้ไม้เล็กๆ นวด เพื่อสลาย:

 พังผืด (adhesion) ที่เกาะอยู่ในบริเวณ ข้อต่อ หรือ หมอนรองกระดูก ที่ทำให้ข้อต่อ หมอนรองกระดูกเกิดอาการแข็ง ยึด ไม่ยืดหยุ่น มีเสียงก๊อกแก็ก เวลาขยับข้อต่อนั้นๆ

✅ จุดปวดเกร็ง (Trigger points) ที่ฝังตัวอยู่ในมัดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น และที่บีบรัดจนเส้นประสาทไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ ซึ่งจุดปวดเกร็งนี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิด อาการ ปวด ชา แสบร้อน ไฟช็อต ยิบๆ หรืออาการผิดปกติอื่นๆ

เมื่อพังผืดและจุดปวดเกร็งสลายตัวออก กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ หมอนรองกระดูก จะกลับมา มีความยืดหยุ่น กล้ามเนื้อจะคลายตัวอย่างแท้จริง เส้นประสาทจะกลับมาทำงานได้ปกติอีกครั้ง เลือดลมจะหมุนเวียนได้คล่อง อาการปวด ชา แสบร้อน หรืออาการผิดปกติอื่นๆ ก็จะ “หมดไป” และ ไม่กลับมาเป็นซ้ำๆ อีกในอนาคต

ในภาวะของผู้ที่เป็น หมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท กระดูกทรุด หรือกระดูกเสื่อมนั้น เมื่อพังผืดและจุดปวดเกร็งถูกสลายออกไป การยึดเกร็ง การตึงรั้งระหว่างหมอนรองกระดูกและกล้ามเนื้อบริเวณใกล้เคียงก็จะหายไปด้วย หมอนรองกระดูกที่เคยเคลื่อนออก หรือข้อกระดูกที่เคยทรุด จะค่อยๆ ฟื้นตัวและ ขยับเข้าสู่ตำแหน่งเดิม ได้เอง ตามกลไกการซ่อมแซมของร่างกาย

ขั้นตอนการนวดสลายพังผืดนี้ เป็น หัวใจสำคัญ ที่จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการที่ ดีขึ้นได้อย่างถาวร

การนวดสลายพังผืดที่ได้ผลนั้น จะต้องทำโดยผู้ที่มีความรู้ความชำนาญเท่านั้น ผู้ที่ไม่มีความรู้อย่างแท้จริง จะทำได้เพียง กดให้พังผืด “นิ่มลงเท่านั้น” ไม่ได้สลายออกไป ซึ่งเป็นการบรรเทาอาการเพียง “ชั่วคราว” เพราะตราบใดที่เรายังใช้ร่างกายทำอิริยาบถต่างๆ ในทุกๆ วัน พังผืดที่นิ่มตัวลงไปก็สามารถกลับมา “แข็งตัวเป็นก้อน” ใหม่ได้เสมอ ผู้ป่วยก็จะกลับมา “มีอาการซ้ำๆ” อีกในอนาคต

  • ขณะทำการรักษา ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บค่อนข้างมากนะคะ ส่วนใหญ่จะเจ็บในขั้นตอนของการสลายพังผืดและสลาย trigger points ค่ะ ถ้าผู้ป่วยเคยผ่านการนวดแบบเจ็บๆ มาบ้าง จะไม่ค่อยมีปัญหาอะไร แต่ถ้าเป็นคนที่ทนเจ็บไม่ได้เลย เราไม่แนะนำให้มาค่ะ
  • ในผู้ป่วยบางเคส หลังทำการรักษา อาจจะมีรอยฟกช้ำ ถ้าบริเวณนั้นมีชั้นไขมันอยู่เยอะ เช่น ต้นแขน ต้นขา ก้น ใต้ข้อพับเข่า เป็นต้น รอยช้ำเหล่านี้ไม่มีอันตรายใดๆ และสามารถจางไปได้เองภายใน 2 สัปดาห์ค่ะ
  • ในผู้ป่วยที่มีอาการเรื้อรังสะสมมานาน ผู้ป่วยต้องใจเย็นและให้เวลากับทางคลินิกในการรักษา เพราะเราต้องรักษาไปทีละขั้นตอน เปรียบเสมือนการขุดขยะที่ฝังอยู่ใต้พรมให้ออกมา ยิ่งเป็นมานาน ยิ่งมีขยะซ่อนอยู่เยอะ ก็ยิ่งต้องใช้เวลามากขึ้นกว่าจะขุดออกมาจนหมด แต่เมื่อแก้ออกจนหมดแล้ว ผู้ป่วยจะได้ร่างกายใหม่ที่แข็งแรงขึ้นกว่าเดิม สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ อยากทำอะไรก็ทำได้ ไม่เป็นภาระให้กับใครเมื่ออายุมากขึ้น
  • ผู้ป่วยที่มารักษาแล้วไม่เห็นผล ส่วนใหญ่คือผู้ป่วยที่มีอาการสะสมมานานหลายปี แต่ใจร้อนอยากหายไวๆ โดยมากเมื่อมารักษา 1-2 ครั้งแรก แล้วถ้าอาการไม่ดีขึ้นตามที่คาดหวัง ก็จะหยุดการรักษาไปกลางครัน

❌ ที่คลินิกไม่รับนวดรักษาผู้ป่วยที่มีน้ำหนักตัวเกิน 90 kg

❌ ที่คลินิกไม่รับนวดรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคกระดูกพรุน

❌ ที่คลินิกไม่รับนวดรักษาในผู้ป่วยที่กำลังตั้งครรภ์

❌ ที่คลินิกไม่รับนวดรักษาในผู้ป่วยที่ยังมีรอยฟกช้ำอยู่

❌ ผู้ป่วยที่มีโรคหัวใจ คลินิกจะไม่รับนวดบริเวณ คอบ่าไหล่ แต่อาการอื่นสามารถนวดได้

❌ ผู้ป่วยที่มีโรคความดันสูง จะต้องทานยาคุมความดันมาก่อนเข้ารับการรักษา

ค่ารักษาจะอยู่ที่ 2100/ครั้ง (รักษาเดือนละ 1 ครั้ง)

ทางคลินิกสามารถออก “ใบรับรองแพทย์” และ “ใบเสร็จ” สำหรับผู้ป่วยบางท่านที่อาจนำไปใช้เบิกได้

ถ้าเคยผ่าตัดมาแล้ว จะรักษายากกว่าเคสที่ยังไม่ผ่าตัดนะคะ ดังนั้นจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม 500.- บาทค่ะ

สามารถจองคิวทางโทรศัพท์ ไลน์ หรือ Facebook page ได้ค่ะ
แต่เนื่องจากคลินิกของเรารับรักษาผู้ป่วยในแต่ละวันจำนวนค่อนข้าง “จำกัด” เพราะต้องการใช้เวลารักษาผู้ป่วยแต่ละท่านอย่าง “เต็มที่” และที่คลินิกคิวจะเต็มเกือบทุกวัน ดังนั้นหากผู้ป่วยต้องการจองคิวรักษา หลังจากนัดวัน-เวลาแล้ว จะต้องขออนุญาตให้ทำการ “โอนมัดจำ” เพื่อล็อคคิวที่แน่นอนไว้ เพื่อไม่ให้เป็นการตัดโอกาสแก่ผู้ป่วยท่านอื่นๆ ค่ะ

อย่าทน กับอาการที่เป็นอยู่ เพราะยิ่งปล่อยไว้นาน ยิ่งแก้ยาก สุขภาพจิตยิ่งเสียหนัก และยิ่งเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าในอนาคต

© Copyright 2020 - นวดแก้อาการ รักษา ปวดหลัง กระดูกทับเส้น ปวดคอ ออฟฟิศซินโดรม ปวดเข่า