อาการปวดเข่าที่พบได้บ่อย มีดังนี้
อาการปวดเข่า
อาการปวดเข่าพบได้ในคนทุกเพศทุกวัย แต่มักมีกลุ่มเสี่ยงเป็นผู้สูงอายุ ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน และนักกีฬาที่ต้องใช้กำลังขาและเข่ามาก อาการปวดเข่าเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ วิธีการรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการปวด ซึ่งเราสามารถแยกอาการปวดเข่าได้ ดังนี้
1.อาการปวดเข่าที่มีอาการปวดหลังร่วมด้วย
อาการปวดเข่าที่มีอาการปวดหลังร่วมด้วย มักเกิดจาก หมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท โดยจะมีอาการปวดหลังร้าวลงเข่า ซึ่งเกิดจากการดึงรั้งของกล้ามเนื้อตั้งแต่หลังจนถึงเข่า ทำให้กล้ามเนื้อแข็ง เกร็งและตึง จนเกิดเป็นอาการปวดเข่าได้
2.อาการปวดเข่าจากการเล่นกีฬา / การออกกำลังกาย
การออกกำลังกาย และ การเล่นกีฬาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การวิ่ง เตะฟุตบอล เล่นแบตมินตัน หรือ บาสเก็ตบอล อาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นรอบข้อเข่า ทำให้เกิดอาการปวดเข่าได้ โดยอาการที่พบได้บ่อยคือ
เอ็นไขว้หน้าเข่าฉีกขาด มักพบใน นักกีฬาฟุตบอล การออกกำลังกายหรือการเล่นกีฬาที่มีการบิดหมุนของหัวเข่าที่รุนแรง เนื่องจากเอ็นไขว้หน้า (Anterior Cruciate Ligament – ACL) เป็นหนึ่งในเอ็นหลักของเข่า มีหน้าที่ช่วยรักษาความมั่นคง และ ควบคุมการเคลื่อนไหวของหัวเข่า ดังนั้น เมื่อเอ็นไขว้หน้าเข่าเกิดการบาดเจ็บฉีกขาด จึงส่งผลต่อการเคลื่อนไหวและความแข็งแรงของเข่า ซึ่งขณะบาดเจ็บจะได้ยินเสียงลั่นในข้อเข่า หัวเข่าใช้งานไม่ได้ มีอาการปวด บวม อักเสบบริเวณเข่า แต่อาการอักเสบนั้นจะค่อยๆ ดีขึ้น โดยทั่วไปประมาณ 1-2 สัปดาห์ หลังจากนั้นผู้ป่วยส่วนใหญ่จะสามารถเดินได้ด้วยตนเอง แต่มักจะเดินลงน้ำหนักไม่ได้ หรือได้ไม่เต็มที่ และมีอาการปวดเมื่อหัวเข่าต้องบิดหมุน เช่น เดินเร็ว ขึ้น/ลงบันได วิ่ง เล่นกีฬา เป็นต้น และที่สำคัญผู้ที่มีภาวะเอ็นไขว้หน้าเข่าขาด เป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดการบาดเจ็บต่อหมอนรองเข่าและกระดูกอ่อนหัวเข่า ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะข้อเข่าเสื่อมก่อนวัยอันสมควรได้หากไม่ได้รับการรักษา
ITBS หรือ Iliotibial band syndrome เป็นการบาดเจ็บที่พบได้บ่อยมากใน นักวิ่ง นักปั่นจักรยาน หรือ นักเดินทางไกล สาเหตุเกิดจากการใช้กล้ามเนื้อ Iliotibial band (คือกล้ามเนื้อพิเศษที่ยาวตั้งแต่บริเวณเอว-เข่า) มากเกินไป ทำให้เอ็นเสียดสีกับกระดูกเข่าด้านนอก จนเกิดการอักเสบ และเกิดการเกร็งตัวของมัดกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น จึงทำให้เกิดอาการปวดตามมา โดยอาการปวดของ ITBS มักจะปวดที่บริเวณหัวเข่าด้านนอก ขณะออกกำลังกาย โดยเฉพาะขณะวิ่ง และอาการเป็นหนักมากขึ้นถ้ายังออกกำลังกายต่อไป อาจพบอาการบวมร่วมด้วย และอาจมีอาการปวดร้าวขึ้นไปถึงต้นขาและสะโพกได้
หมอนรองข้อเข่าฉีกขาด (Miniscus tear) อาจเกิดจากจังหวะการบิดหมุนที่ผิดท่า ส่งผลให้เกิดอาการบาดเจ็บบริเวณหัวเข่า โดยส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากการเล่นกีฬาที่ต้องอาศัยความเร็วมีการชน และการกระแทกกัน เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล เป็นต้น โดยปกติหมอนรองข้อเข่ามีหน้าที่รับแรงกระแทกของร่างกายขณะยืน เดิน วิ่ง หรือทำกิจกรรมที่มีการใช้น้ำหนักกดลงบนข้อเข่า เมื่อเกิดหมอนรองข้อเข่าฉีกขาด ผู้ป่วยจะมีอาการปวดและบวมบริเวณเข่า ข้อเข่าฝืด รู้สึกติดขัดเวลาเคลื่อนไหว เหยียดหรืองอข้อเข่าได้ไม่สุด ข้อเข่ามักติดอยู่ในท่าใดท่าหนึ่ง (True locking) แต่เมื่อขยับไปมาจะสามารถขยับได้เต็มช่วงการเคลื่อนไหว ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาและยังฝืนใช้งานเข่าซ้ำๆ แรงกระแทกและการเสียดสีกันของกระดูกภายในข้อเข่าจะทำให้ข้อเข่าเสื่อมสภาพเร็วขึ้น หรือพัฒนาไปเป็นข้อเข่าเสื่อมได้
3.อาการปวดเข่าบริเวณข้อพับขา ข้อพับเข่า
อาการ ปวดบริเวณข้อพับขา ปวดใต้ข้อพับเข่า งอขาไม่ได้ พับเข่าได้ไม่สุด ไม่สามารถนั่งคุกเข่าหรือพับเพียบได้ เกิดจากกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นที่ทำหน้าที่ในการงอขาเกิดการแข็งเกร็ง ตึงตัว ทำให้ความยืดหยุ่นลดน้อยลง โดยสาเหตุอาจมาจากการอยู่ในอิริยาบถเดิมเป็นเวลานาน เช่น การนั่งพับเพียบ (ไหว้พระ) เป็นเวลานาน การเดิน การยืน เป็นเวลานาน เป็นต้น หรืออาจเกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อ hamstring (ซึ่งทำหน้าที่งอเข่า) อย่างฉับพลัน เช่น การวิ่งเร็ว การวิ่งเร็วสลับกับหยุดวิ่งแบบฉับพลันทันทีอย่างต่อเนื่อง การออกกำลังกายโดยไม่ได้ยืดกล้ามเนื้อก่อน ซึ่งสาเหตุเหล่านี้ล้วนส่งผลให้เกิดอาการปวดเข่าบริเวณข้อพับขาได้ทั้งสิ้น โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่มาด้วยอาการเจ็บข้อพับเข่าด้านใน ปวดใต้ข้อพับเข่า ปวดบริเวณข้อพับขา ปวดมากขึ้นเมื่องอเข่า ในระยะแรกๆ อาจมีอาการบวมบริเวณใกล้ข้อพับเข่าอย่างเห็นได้ชัด ในรายที่อักเสบรุนแรง อาจเดินลำบาก และจะปวดทุกครั้งที่ก้าวขาลงนํ้าหนัก
4.อาการปวดเข่าจากอุบัติเหตุ
อาการปวดเข่าจากอุบัติเหตุ เกิดจากแรงกระแทกที่กระทำต่อเข่า ทำให้กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นรอบๆ เข่าเกิดการบาดเจ็บ และเกิดการอักเสบขึ้น ผู้ป่วยจะมีอาการปวดและบวมทันทีภายหลังจากมีอุบัติเหตุ อาจพบรอยช้ำบริเวณที่ถูกกระแทกได้ ซึ่งอาการปวดจะเป็นเฉพาะบริเวณที่บาดเจ็บโดยตรง เช่น ปวดในหัวเข่า ปวดหัวเข่าด้านหน้า ปวดหัวเข่าด้านใดด้านหนึ่ง เป็นต้น
5.อาการปวดเข่าจากเข่าเสื่อม
ข้อเข่าประกอบด้วย กระดูก 3 ชิ้น ได้แก่ กระดูกต้นขา กระดูกหน้าแข้ง และกระดูกสะบ้า ยึดติดกัน ด้วยเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อ ซึ่งนับว่าเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ข้อเข่าแข็งแรง และระหว่างกระดูกทั้งสามมีกระดูกอ่อนซึ่งทำหน้าที่ผลิตน้ำไขข้อหล่อเลี้ยง ช่วยลดการเสียดสีระหว่างข้อเข่าและลดแรงกระแทกภายในข้อเข่า
โดยการเกิดข้อเข่าเสื่อม เกิดจากกล้ามเนื้อบริเวณเข่ามีการหดเกร็ง อาจมาจากสาเหตุต่างๆ เช่น อุบัติเหตุ หรือแรงที่กระทำต่อข้อเข่า ไม่ว่าจะเป็น น้ำหนักตัวที่มาก การหกล้มเข่ากระแทกพื้น และ การใช้งานข้อเข่ามากเกินไป หรืออาการข้างต้นที่กล่าวมาทั้งหมดที่ไม่ได้รับการรักษา ล้วนทำให้เข่าเกิดการบาดเจ็บ ร่างกายจึงพยายามซ่อมแซมเนื้อเยื่อส่วนที่บาดเจ็บ (Healing) โดยหลังการกระบวนการซ่อมแซมจะเกิดชั้นพังผืดขึ้น ซึ่งพังผืดนี้ทำให้เกิดการดึงรั้งของเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อบริเวณเข่า ทำให้ช่องว่างระหว่างกระดูกแคบลง กระดูกอ่อนเสียหาย และน้ำไขข้อลดลง จึงทำให้กระดูกเข่าเกิดการเสียดสีกัน นานเข้าจึงเกิด การเสื่อมของข้อเข่า ส่งผลให้มีอาการ ปวดเข่า เจ็บเข่า อาจจะปวดเวลาขึ้น-ลงทางชันหรือบันได ปวดเข่าเวลานั่งยอง นั่งสมาธิ นั่งพับเพียบ ข้อเข่าฝืดหรือติดขัด ได้ยินเสียงดังในเข่า เข่าบวม รู้สึกขาไม่มีกำลังหรือเข่าอ่อน